Sunday 24 November 2013

สร้างวินัยให้ลูกคุณ2 ขวบปีที่ 2-3

ระหว่างลงรูปของล้อตใหม่ มาอ่านเรื่องนี้รอกันดีกว่าค่ะ ตอนที่ 2 การสร้างวินัยให้ลูกปีที่ 2-3

================================
ขวบปีที่ 2-3
ลูกไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมตนเอง(self-control) มาตั้งแต่เกิด แม้ในขวบปีที่2 กล้ามเนื้อของลูกจะแข็งแรงขึ้น เคลื่อนไหวได้มากขึ้น เดินได้ เริ่มพูดได้ และทำอะไรด้วยตัวเองได้มากขึ้น แต่ลูกก็ไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่าง เช่นไม่เข้าใจว่าถ้าตนทำสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วจะเกิดผลตามมาอย่างไร ไม่เข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร และยังไม่สามารถอดทนกับความคับข้องใจได้ สรุปง่ายๆก็คือ ลูกยังไม่มีความสามารถที่จะคิด วิเคราะห์และตัดสินใจได้ เนื่องจากลูกมีความสามารถที่จะทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่าง แต่ยังไม่มีการควบคุมตนเองที่ดีพอ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะช่วยลูกและควบคุมลูกให้อยู่ในวินัยในขวบปีที่ 2 และ 3 การฝึกวินัยอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ

วินัยในชีวิตประจำวัน
ในขวบปีที่ 2-3 ระเบียบวินัยที่ต้องฝึกมักจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันนั่นคือ การกิน การนอน การขับถ่าย ฯลฯ ในการฝึกสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและหนักแน่นในการตอบสนองเด็ก ตัวอย่างเช่น หากจะเริ่มฝึกเด็กให้นอนตรงเวลา เด็กก็อาจจะไม่ยอม อาจต่อต้าน แสดงความไม่พอใจโดยการร้องไห้บ้าง งอแงบ้าง แต่ถ้าคุณยืนยันอย่างหนักแน่นให้ลูกเข้านอนตรงเวลา โดยไม่ต้องโอนอ่อนผ่อนตามไม่ว่าลูกจะงอแงอย่างไรก็ตาม ในที่สุดลูกก็จะทำตามคุณและนอนหลับได้ตรงเวลา ลูกจะเรียนรู้ว่า แม้ไม่ชอบก็จำเป็นต้องทำตาม บทเรียนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิต เพราะในชีวิตเรามีบ่อยครั้งที่เดียวที่เราต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบหรือไม่สบอารมณ์ และเราไม่อาจจะได้ทุกอย่างตามที่เราปรารถนา

คำว่า “ไม่”
ในขวบปีที่ 2-3 ลูกสามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น มีความสนใจใฝ่รู้มากขึ้น รวมทั้งมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้คุณต้องเริ่มต้นควบคุมลูกและกำหนดขอบเขตให้ลูก วัยนี้เป็นวัยที่คุณจะต้องเอ่ยคำว่า “ไม่” บ่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน ลูกก็จะเอ่ยคำว่า “ไม่” แก่คุณด้วยเช่นกัน การที่ลูกวัย 2 ขวบพูดว่า “ไม่” เมื่อคุณออกคำสั่งให้ทำบางสิ่งบางอย่างนั้นแปลว่า ลูกกำลังบอกคุณว่า ลูกต้องการเป็นตัวของตัวเอง ลูกจะทำในสิ่งที่เขาอยากทำ และบ่อยครั้งที่ลูกต้องการทำสิ่งนั้นๆด้วยตนเองโดยไม่ต้องการให้คุณช่วย (เช่นตักข้าวกินเอง) คุณไม่ควรคิดว่า ลูกกำลังต่อต้านคุณหรือแกล้งที่จะไม่เชื่อฟัง แท้จริงแล้ว นี่เป็นกระบวนการพัฒนาที่เกิดขึ้นกับเด็กทุกคน ถ้าคุณเข้าใจในข้อนี้ คุณก็จะไม่โกรธเมื่อลูกไม่ทำตามคำสั่ง และคุณจะปฏิบัติกับลูกได้ถูกต้องยิ่งขึ้น เช่น แทนที่จะไปอารมณ์เสียกับลูก (ซึ่งก็จะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นไปอีก) คุณก็จะค่อยๆพูดกับลูกอย่างหนักแน่น เป็นต้น
การหัดให้ลูกเชื่อฟัง เมื่อคุณสั่งว่า “ไม่” เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นก้าวแรกแห่งการฝึกระเบียบวินัย คุณต้องสั่งด้วยความมั่นใจอย่างหนักแน่นด้วยสิทธิอำนาจของความเป็นพ่อแม่ ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องดูแลและชี้นำหนทางที่ถูกให้แก่ลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกกำลังจะทำสิ่งที่เป็นอันตรายหรือทำให้เกิดความเสียหาย

ความสมดุล
แม้ว่าเด็กจะเรียนรู้คำว่า “ไม่” จากคุณ แต่การพูดว่า “ไม่” และห้ามลูกไปเสียทุกอย่างก็เป็นสิ่งที่จะทำลายพัฒนาการหลายด้านของเด็ก เด็กที่ไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งใดตามที่ตนต้องการเลย ก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่กล้าทำอะไรเลย ดังนั้นคุณจะต้องเลี้ยงลูกในทางสายกลาง มีทั้งคำสั่งว่า “ลูกทำสิ่งนี้ไม่ได้” และ “ตกลง ลูกจะทำก็ได้” ส่งเสริมให้เรียนรู้และให้ทำอะไรด้วยตนเอง แต่ก็ห้ามลูกด้วยถ้าสิ่งที่ทำนั้นจะเป็นอันตราย พยายามส่งเสริมให้เกิดทั้งความเชื่อมั่นในตนเองและการเป็นตัวของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็สอนลูกให้เรียนรู้กฎระเบียบและขอบเขตที่เหมาะสมด้วย

การร้องกรีดและการดิ้นลงมือลงเท้า
พบได้บ่อยมากในช่วงอายุ 2-3 ปี พฤติกรรมแบบนี้มักเกิดตอนที่เด็กถูกขัดใจและไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ พฤติกรรมนี้จัดว่าเป็นของธรรมดา ถ้าหากคุณจัดการได้ถูกต้อง มันจะหายไปได้เร็ว แต่ถ้าจัดการไม่ถูก ลูกอาจมีพฤติกรรมดังกล่าวต่อเนื่องไปหลายปีก็ได้ การร้องกรีดและดิ้นลงมือลงเท้านั้น ถ้ามองในแง่ลบเป็นการกระทำที่แสดงว่าเด็กควบคุมตัวเองไม่ได้ รอคอยหรืออดทนต่อความคับข้องใจไม่ได้ แต่ถ้ามองในแง่บวกก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงความสามารถของบุคคลในอันที่จะบอกให้คนอื่นรู้ว่าตนเองต้องการอะไร (self-assertion) กฎที่สำคัญที่สุดในการจัดการ ก็คือ อย่าให้แรงเสริมเมื่อเด็กมีพฤติกรรมดังกล่าว วิธีจัดการที่ดีที่สุดคือ การเพิกเฉยต่อการดิ้นอาละวาดนั้น(ตราบเท่าที่เด็กไม่มีอันตราย หรือไม่ได้ทำให้ตนเองบาดเจ็บ) ควรพูดว่า “ ลูกร้องแบบนี้ แม่ฟังไม่รู้เรื่อง พอลูกหยุดร้องแล้ว ค่อยมาคุยกับแม่” เมื่อบอกลูกเสร็จคุณก็ควรหลีกไปอยู่ที่อื่น ถ้าเป็นเด็กที่อายุมากกว่า 4 ขวบคุณอาจจะไปอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่ถ้าน้อยกว่า 4 ขวบ คุณควรอยู่ในห้องนั้นด้วยแต่ทำงานของคุณไปโดยไม่สนใจเขา (เพราะเด็กวัยต่ำกว่า 4 ขวบยังมีความวิตกกังวลในการแยกจากผู้เลี้ยงดูที่เรียกว่า separation anxiety )

เป็นตัวอย่างที่ดี
สิ่งสำคัญในวัยนี้คือ การเลียนแบบ เด็กเล็กๆชอบเลียนแบบ ดังนั้นการสร้างวินัยโดยให้ลูกเลียนแบบคุณจึงเป็นวิธีที่ง่ายมาก หากคุณอยากให้ลูกทำสิ่งใดก็จงทำให้เป็นแบบอย่าง เช่น หากอยากให้ลูกเก็บของให้เป็นระเบียบ คุณก็ต้องรู้จักวางของให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ใช่คุณเองก็ทิ้งเพ่นพ่าน แล้วมาออกคำสั่งให้ลูกเก็บให้เรียบร้อย ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณอาจจะได้ยินลูกตอบกลับว่า “หนูก็ทำเหมือนพ่อนั่นแหละ” หากคุณเป็นแบบอย่างที่ดีทางวินัยตั้งแต่ลูกยังเด็ก ลูกก็จะเก็บสิ่งดีๆที่เห็นจากคุณเข้าไว้ในตัวเขาได้มากทีเดียว ฉะนั้นจงฉวยโอกาสตอนที่ลูกยังเล็ก สร้างวินัยด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีให้มาก เพราะเมื่อลูกโตขึ้นการเลียนแบบพ่อแม่ก็จะน้อยลง ลูกจะหันไปเลียนแบบคนอื่น เช่นเพื่อนฝูง ดารา นักร้อง เมื่อถึงตอนนั้น หากเขาไม่มีวินัยดีๆอยู่ในตัวจากการปลูกฝังของคุณแล้ว เขาอาจจะรับเอาสิ่งแย่เข้ามาเต็มตัวเลยก็ได้

Cr. www.2pasa.com
ที่มาข้อความ Toddle Barn

No comments:

Post a Comment